เชื่อเสมอว่า “คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ใช้ไม่เท่ากัน” แน่นอนทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว 1 วันมี 24 ชั่วโมง, 1 ชั่วโมงมี 60 นาที และ 1 นาทีมี 60 วินาที ซึ่งเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมเสาร์-อาทิตย์ของเรามันผ่านไปเร็วจัง หรือทำไมค่ำวันศุกร์เราถึงรู้สึกดีจังมีพลังเต็มเปี่ยมพร้อมสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ คำตอบ คือ “ความสุข” มันรอเราอยู่นั่นเอง
หลายคนคงอยากให้ทุกวันเป็นเหมือนค่ำวันศุกร์กันใช่มั้ย แต่ก็นั่นแหละมันต้องทำยังงัย ถือเป็นโจทย์ที่ยากเลย อย่างแรกแนะนำให้กลับมามองชีวิตที่เราใช้ทุกวันนี้มีความสุขอยู่รอบตัวเรารึป่าว แล้วอะไรที่ทำให้ความสุขในชีวิตเราหายไป อันนั้นแหละตัดทั้งเลย ใครหลายคนน่าจะตอบเป็นเสียงเดียวกัน คือ งานที่ทำอยู่งัยล่ะอยากจะตัดมันทิ้ง อยากจะลาออกวันละหลายรอบ แต่ชีวิตจริงเราทำแบบนั้นไม่ได้ก็ด้วยหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นภาระหน้าที่บวกกับความรับผิดชอบที่เราต้องดูแลจริงมั้ย
เอาล่ะในเมื่อเราตัดงานออกจากชีวิตไม่ได้ เราก็ต้องสร้างงานหรือเอาตัวเราไปอยู่ในงานที่มีความสุข แต่อย่างว่าแหละทุกเส้นทางไม่เป็นโรยด้วยกลีบกุหลาบ การทำงานก็เช่นกันมีปัญหาเรียงหน้ามาให้แก้ไม่เว้นแต่ละวัน ตัวปัญหาอยู่ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ เห็นแบบนี้แล้วต้องหันมาจัดการที่ตัวเราเอง ปรับวิธีคิดและทันศนคติคิดบวกให้มากขึ้น
มาสำรวจตัวเองกันก่อนเลยใน 1 วันเราทำอะไรบ้าง การแบ่งเวลาสำคัญมากเริ่มจากเวลานอนควรนอนกี่โมง มาตรฐาน 6 – 8 ชั่วโมง เอากลางๆ ก็ 7 ชั่วโมงแล้วกัน ที่เหลืออีก 17 ชั่วโมงจะทำอะไรมาลองจัดกันดู
• ตื่นตีห้า 5:00 ออกกำลัง 30 นาที
• 5:40 อาบน้ำอาบท่าทำธุระส่วนตัว
• 6:00 เดินทางไปทำงาน ระหว่างขับรถฟัง Podcast เรื่องที่สนใจถือเป็นอาหารสมอง
• 6:45 กินข้าวเช้าให้เรียบร้อย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
• 7:00 มานั่งวางแผนทำ check list กัน มีงานหรือประชุมสำคัญอะไรบ้าง งานไหนเร่งงานไหนด่วนต้องทำก่อนหลัง
• 8:00 เริ่มลุยงานกันได้เลย ถ้าเราเริ่มงานก่อนคนอื่น นั่นคือ ข้อได้เปรียบเสมอ ความยากของการวิ่งไม่ได้อยู่ที่เส้นชัย แต่อยู่ที่จุดเริ่มต้นและระหว่างทางวิ่งต่างหาก ให้จำไว้ว่าวันไหนที่เราเริ่มต้นดีมันมีชัยไปกว่าครึ่ง
• 12.00 ได้เวลากินข้าวเที่ยง มันคือเวลาแห่งความสุขในออฟฟิศ ได้คุยกับพี่ๆ น้องๆ ในที่ทำงานกินข้าวไปเฮฮากันไป
• 13:00 กลับมาลุยงานยาวๆ ช่วงบ่ายหาเวลาพักเบรกกินน้ำขนมจะได้ไม่เคลียดจนเกินไป
• 18:00 ได้เวลาเลิกงาน ช่วงค่ำในแต่ละวันอาจจะแบ่งเวลาสังสรรค์ หรือจะออกกำลังกายอันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล
• 19:00 เป็นช่วงเวลาข้าวเย็น ยังงัยก็อย่าให้ดึกมากให้เวลากระเพาะได้ย่อยกันบ้าง
• 22:00 ได้เวลาเข้านอนกันแล้ว แต่ถ้ายังติดภาระกิจยาวหน่อยก็พยายามอย่าให้ดึกเกินห้าทุ่มจะดีมาก
สำหรับช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์อาจจะหางานอดิเรกที่ชอบทำกัน ใครชอบแนวไหนสไตล์ไหนใช้เวลาพักผ่อนชาร์จแบตให้เต็มที่ก่อนกลับมาลุยงานต่อในวันจันทร์ ฝากไว้ว่าควรใส่ใจในเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญหาเวลาดูแลตัวเองออกกำลังกายช่วยร่างกายแข็งแรง และช่วยให้จิตใจเราสดชื่นได้จริงๆ … เอาล่ะทีนี้เราก็มาช่วยกันบริหารเวลาในมีความสุขกันเถอะนะ “จะได้ใช้ 24 ชั่วโมงของเราให้คุ้มค่าที่สุด”