😤💅 ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน เราไม่ได้เอา ‘ความเป็นเพศ’ มาทำงานด้วยอยู่แล้ว เราจะมีรสนิยมทางเพศแบบไหนก็ไม่ได้เอามาใช้ในการทำงานอยู่ดี

👉พูดให้ตรงกว่านั้นก็คือ เราจะมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศไหน จะหฤหรรษ์แค่ไหน เราก็ไม่ได้เอามันมาใช้ในการทำงาน มันเป็นชีวิตด้านอื่นของเรา ถ้ามันไม่เกี่ยวกับบริบทการทำงาน มันก็ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่คนในที่ทำงานควรก้าวก่ายหรือเอามาเป็นประเด็น

📌การถามว่าบุคคลใดเป็น LGBTQ ไม่เหมาะสมด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้:

1. การละเมิดความเป็นส่วนตัว: รสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศเป็นข้อมูลส่วนตัว การถามคำถามนี้อาจทำให้บุคคลรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ หรือถูกคุกคาม

2. การเหมารวมและอคติ: การถามคำถามนี้แฝงไปด้วยอคติว่า LGBTQ แตกต่างจากคนทั่วไป เป็นการเหมารวมว่า LGBTQ มีพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยที่แตกต่าง

3. ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน: รสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศไม่มีผลต่อความสามารถในการทำงาน การถามคำถามนี้นอกเหนือจากบริบทการทำงาน

4. ส่งผลต่อบรรยากาศการทำงาน: การถามคำถามนี้อาจสร้างบรรยากาศการทำงานที่ตึงเครียด อึดอัด ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน

5. ขัดต่อกฎหมาย: ในบางประเทศ การเลือกปฏิบัติต่อ LGBTQ ในสถานที่ทำงานเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

🥰ทางเลือกที่ดีกว่า:

1. เน้นที่ความสามารถและผลงาน: ประเมินบุคคล based on ทักษะ ประสบการณ์ และผลงาน

2. สร้างบรรยากาศการทำงานที่ครอบคลุม: ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเคารพ โดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศ

3. สนับสนุนความหลากหลาย: ส่งเสริมความหลากหลายและการรวมเข้าด้วยกันในสถานที่ทำงาน

💬ตัวอย่างบทสนทนา:

แทนที่จะถามว่า: “คุณเป็น LGBTQ ไหม”
✨ลองถามว่า: “คุณมีครอบครัวอย่างไร” หรือ “คุณมีงานอดิเรกอะไร”
.
💖ทำงานของเราให้ดี วางตัวให้ดี มีมารยาทกับคนรอบตัว ไม่ตัดสินคนอื่นเหมือนกับที่เราไม่อยากให้ใครมาตัดสินเราเหมือนกัน และก็ทำให้เขารู้ว่า นี่ไม่ใช่ It’s a man’s world แต่เป็น It’s OUR world, not only yours
.
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ SAW HR ได้ที่ :
Website – hrinzpy.com
Facebook – facebook.com/SAWHRM
Instagram – instagram.com/sawhr.official
Line – page.line.me/HR.INZPY